”รองจ๋อ“ ผนึกกำลังปั้นโมเดล “ตำรวจโรงเรียน” สร้างเกราะป้องกันภัยในสถานศึกษา

ในยุคที่ “บุหรี่ไฟฟ้า” ลุกลามเข้าโรงเรียนอย่างรวดเร็ว และ “อุบัติเหตุทางถนน” คร่าชีวิตเยาวชนไทยกว่า 700 คนต่อปี โครงการ “บุหรี่ไฟฟ้าคือภัย สวมหมวกนิรภัยคือทางรอด” จึงถูกยกระดับเป็นปฏิบัติการเชิงรุกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่ออุดช่องโหว่ความเสี่ยงในสถานศึกษา และฟื้นพลังชุมชนให้ลุกขึ้นมาปกป้องอนาคตของชาติ ด้วยความร่วมมือระหว่างตำรวจ–โรงเรียน–ชุมชนในแต่ละพื้นที่กรุงเทพมหานคร

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น. บรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลถูกเปลี่ยนให้เป็น “สนามสอบผลงานจริง” ของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการกว่า 9 พื้นที่ เพราะ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. / รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บช.น. ทำหน้าที่ประธานคัดเลือก “โรงเรียนดีเด่น” ที่พิสูจน์ผลงานอย่างเป็นรูปธรรม

ภายในห้องประชุม คณะกรรมการระดับรองผู้การนครบาลจาก บก.น.1–9 เข้าร่วมประเมินอย่างเข้มข้น ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการพิจารณางานของโรงเรียนที่ได้ลงพื้นที่รณรงค์จริง พร้อมครูต้นแบบ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ครู ก.-ครู ข.” จากสถานีตำรวจในพื้นที่ ซึ่งลงมือทำงานร่วมกับนักเรียนอย่างใกล้ชิด

โครงการเปลี่ยนชีวิต ไม่ใช่เอกสาร โครงการนี้ถือเป็น “ตัวอย่างระดับชาติ” จากกองบัญชาการการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนทั้งด้านภัยยาเสพติดรุ่นใหม่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า และสร้างค่านิยมใหม่เรื่องความปลอดภัยทางถนน “สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง” ซึ่ง บช.น. รับลูกนโยบายสำคัญนี้อย่างจริงจัง ไม่เพียงจัดกิจกรรมในโรงเรียน แต่ยังติดตามผลต่อเนื่อง พร้อมมอบรางวัลโรงเรียนดีเด่นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ตำรวจและครูที่ลงแรงขับเคลื่อนโครงการนี้จนเกิดผลจริงในชุมชน

ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บช.น. (ศอ.ปส.บช.น.) ทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการผลักดันให้ทุกโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสามารถเข้าถึงความรู้ ความช่วยเหลือ และเครื่องมือป้องกันภัยบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด พร้อมส่งเสริมบทบาท “ตำรวจโรงเรียน” ให้เป็นพี่เลี้ยงใกล้ชิดเด็กและครู

9 โรงเรียนจาก 9 พื้นที่ ชิงความโดดเด่นด้วยผลงานจริง

รายชื่อโรงเรียนที่เข้ารอบสุดท้ายและนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการ ได้แก่โรงเรียนสัมมาชีวศิลป์ – บก.น.1 นำเสนอโดย พ.ต.ท.อนันต์ ประสงค์ใจ และ ร.ต.ท.ชายศักดิ์ หลำรอด โรงเรียนบ้านลาดพร้าว – บก.น.2 นำเสนอโดย ส.ต.ท.ภาคิไนย อินตุ้ย และ พ.ต.ต.สุทธิพงศ์ ทะคะทิศโรงเรียนวัดแสนสุข – บก.น.3 นำเสนอโดย ด.ต.หญิง สมพร ป้องทอง และ ร.ต.ต.ธนะสิทธิ์ ไตรโอสถ โรงเรียนศรีพฤฒา – บก.น.4 นำเสนอโดย พ.ต.ต.สมบัติ สายธารโรงเรียนประถมนนทรี – บก.น.5 นำเสนอโดย พ.ต.ต.สงกราณ ทัพสุริย์ และ จ.ส.ต.รัตนพล สีหาราช โรงเรียนวัดหัวลำโพง – บก.น.6 นำเสนอโดย พ.ต.ท.หญิง ปฐพร สมบัติดี และ ด.ต.สุชาติ แสนคำวินิจ โรงเรียนวัดคฤหบดี – บก.น.7 นำเสนอโดย พ.ต.ต.ธนันท์นัต กาศรัมย์ และ ร.ต.ท.ประสิทธิ์ชัย ประชากูลโรงเรียนวัดอินทาราม – บก.น.8 นำเสนอโดย ร.ต.ท.มนตรี ลภัสวงศธร และ พ.ต.ต.อภินันท์ อินทร์จันทร์ โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ – บก.น.9 นำเสนอโดย ส.ต.อ.อรรถชัย ณ บางช้าง และ ร.ต.ต.สุทัศน์ คงสมบูรณ์

แต่ละโรงเรียนต่างถ่ายทอดภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง ตั้งแต่การตั้งชมรมเยาวชนต้านบุหรี่ไฟฟ้า การทำคลิปสื่อสร้างสรรค์ ไปจนถึงการเพิ่มอัตราการสวมหมวกนิรภัยของนักเรียนจากไม่ถึง 30% ขึ้นเป็นกว่า 90% ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน มากกว่าประกวด คือแผนสร้างเยาวชนคุณภาพ

ผลงานที่ถูกกลั่นกรองจะถูกใช้เป็น “ต้นแบบระดับประเทศ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขยายผลสู่โรงเรียนอื่นๆ และพัฒนาสู่มาตรฐานสากลในอนาคต ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่างยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อเนื่อง แม้การแข่งขันสิ้นสุด แต่ภารกิจปกป้องอนาคตของเด็กไทย “ไม่มีวันจบ”

จึงเป็นโครงการที่สะท้อนภาพของตำรวจนครบาลในมิติใหม่ มิติของผู้สร้างเกราะป้องกันเยาวชน ไม่ใช่แค่ผู้บังคับใช้กฎหมาย แต่คือ “พลังของความหวัง” ที่กำลังวางรากฐานสังคมปลอดภัยให้ประเทศไทยอย่างแท้จริง #สมชาย จรรยา เรียบเรียง #canchaonews #เกราะป้องกันเยาวชน #ตำรวจนครบาล #บุหรี่ไฟฟ้า #สวมหมวกนิรภัย #โรงเรียน